วันนี้ขอเปิดมาด้วยกระทู้ที่ทุกท่านชอบถามว่าจอง Airbnb อย่างไรให้พลาดน้อยที่สุด จากประสบการณ์เที่ยวทั้งหมด 5 ทริป 9 ห้อง น่าจะช่วยคนอื่นได้บ้างครับ
ช่วงโฆษณา : Link ด้านล่างเป็นส่วนลดสำหรับผู้สมัครใหม่ 1,100 บาท (ผมได้ 950 บาทด้วยครับ เลยเรียกว่าช่วงโฆษณา (「・ω・)「) www.airbnb.com/c/nsawettaphun
มาต่อกันด้วยการเกริ่นคร่าวๆว่า Airbnb คืออะไร อ่านได้จาก ที่นี่ (แบบยาวๆ) แบบย่อๆคือ เว็บรวมห้องเช่ารายวันจากเพื่อนๆทั่วโลก ซึ่งการจองจะมีแบบ
- เช่าทั้งห้อง/บ้านทั้งหลัง (Entire House) อันนี้เราจะได้กุญแจห้องและทั้งหมดเราจะใช้ได้หมดทั้งห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ใครชอบความเป็นส่วนตัวให้จองแบบนี้นะครับ
- เช่าแค่ห้องนอน (Shared Room) แบบนี้เราจะเช่าแค่ห้องนอนห้องเดียวของบ้านเขา ส่วนมากคนที่ปล่อยเช่าแบบนี้จะเป็นเจ้าของบ้านที่พร้อมรับวัฒนธรรมใหม่ๆ ส่วนมากจองห้องแบบนี้จะแถมอาหารเช้าฝีมือเจ้าของบ้านด้วยนะครับ
- เช่าแค่เตียง (Shared Bed) อันนี้น่าสนุกสุดครับ จองแค่เตียงนอนครับ คิดซะว่าเหมือน Dorm ล่ะกันครับ
มาเข้าเรื่องของการจองก่อนนะครับว่ามีเงื่อนไขอะไรบ้างเพื่อจะได้จองง่ายขึ้น ในรีวิวนี้ผมจะเน้นไปที่การจองแบบเหมาห้องนะครับ
- ราคา
- สถาที่เที่ยวและแผนการเดินทาง
- ผู้ร่วมพัก
- โฮสต์ และจำนวนรีวิว
ราคา
ในเงื่อนไขของการจองส่วนมากที่อยากได้ Airbnb ส่วนมากจะเน้นเรื่องนี้เป็นหลักเลยนะครับ ซึ่งเท่าที่ผมลองหาและเทียบกับโรงแรมนะครับ ถ้าที่โตเกียวผมตั้งไว้ที่ 1,500 บาทต่อคนต่อคืน (คือ 2 คนก็ราคา 3,000 บาทต่อคืน) ถ้าอยากจะนอนแถวๆที่เที่ยวหลักๆ เช่น UENO, Tokyo Station, Akihabara, … แต่ถ้างบน้อยกว่านั้นไปไกลกว่านั้นหน่อยสัก 2-3 สถานีจะโซนแถวๆนั้น เช่น Ryogoku, Asakusa, Minowa อันนี้จะหาได้ราวๆ 1,000 บาทต่อคนต่อคืนได้นะครับ
ถ้าเป็นที่ Osaka สามารถหาได้ในราคา 1,200 – 1,500 บาทต่อคนต่อคืนแถวDotonburi และ 800 – 1200 บาทต่อคนต่อคืนแถว Shin-Imamiya
อย่าเห็นแก่ของถูกมากเกินไปนะครับ หลายคนที่เจอว่าโฮสต์ยกเลิกตอนใกล้ๆเพราะบางทีเอาถูกมากๆไว้ก่อนครับ เช่นเจอห้องพักที่ Tokyo ในราคา 2,000 บาทนอนได้ 4 คนแถว Shibuya ที่เพิ่งเปิดไม่มีรีวิวเลย อันนี้ให้ระวังก่อนนะครับ ว่าอย่าไปเจิมห้องให้เขาเลยครับ หาห้องที่คนอื่นเขาเคยพักแล้วมีรีวิวเถอะครับ
สถาที่เที่ยวและแผนการเดินทาง
อย่างที่บอกครับ ว่าพอได้งบประมาณต่อมาเรื่องยุ่งยากเรื่องนึงคือการบอกว่าเราจะนอนแถวไหน สรุปสั้นๆที่ Tokyo นอนแถว Ueno, Asakusa กับ Shibuya เถอะ ส่วน Osaka นอนแถว Dotonburi, Shin-Imamiya ไปเถอะ สรุปยาวๆค่อยเขียนต่อใน Blog ถัดไปที่เกี่ยวกับการวางแผนเดินทางดีกว่า
ต่อมาห้อง Airbnb ทั้งหมดที่แสดงในแผนที่ไม่ได้แสดงสถานที่จริงของห้องครับ เพราะเขาไม่อยากให้โดนตามได้ง่ายเกินไปครับ อ้าวแล้วจะรู้ได้อย่างไรห้องอยู่ตรงไหนล่ะ ให้อ่านตรงหัวข้อ Getting Around ของ Description ห้องครับว่าห้องจะห่างจากสถานีรถไฟอะไรที่ใกล้ที่สุด
ต้องระวังเรื่องนึงนะครับ อันนี้เป็นปัญหาของสถานีใหญ่ๆเช่น Namba Station ที่ Osaka อันนี้มีทางออกเกือบ 40 ทาง ถ้าโฮสต์บอกว่า 5 นาทีจาก Namba Station ให้ถามทางออกที่ใกล้ที่สุดด้วยนะครับ เดินผิดทางออกเดินย้อนไปไกลเลย และจากประสบการ์ตรงถ้าโฮสต์บอกว่ากี่นาทีให้คูณสองไปครับว่าเราจะเดินไปถึงห้อง
ผู้ร่วมพัก
อันนี้เรื่องใหญ่นะครับ เพราะเงื่อนไขหลักที่ผมบอกหลายคนที่มาถามว่ากี่คนต่อห้องดี ปัญหาของที่ญี่ปุ่นจะอยู่ที่จำนวนห้องน้ำครับ ส่วนมากจะเจอห้องที่มีแค่ 1 ห้องอาบน้ำเท่านั้นครับ (อาจจะมี 1-2 ห้องส้วมแยกมาอีกที) ซึ่งถ้าทางผู้ร่วมเดินทางของคุณสามารถจัดระเบียบการอาบน้ำได้ก็ดีครับ ซึ่งผมแนะนำให้จอง 6 คนต่อ 1 ห้องอาบน้ำครับ ถ้าห้องที่จะจองมีห้องอาบน้ำมากกว่านั้นก็จองเพิ่มได้ครับ
โฮสต์ และจำนวนรีวิว
เรื่องสุดท้ายแต่เรื่องใหญ่มาก เราจะไว้ใจโฮสต์ได้ขนาดไหนล่ะ เอาง่ายๆก็หาคนที่เป็น Super Host สิ
เวลาค้นหาให้ไปที่ More Filters แล้วเลือกที่เป็น Super Host ครับ เพราะเงื่อนไขของการเป็น Super Host คือ ต้องไม่มีการยกเลิกการจองที่พักที่ได้ทำการยืนยันไปแล้ว (นอกจากมีเหตุสุดวิสัย ซึ่งต้องแจ้งให้ airbnb ทราบภายใน 2 อาทิตย์) ตรงส่วนนี้จะช่วยให้เราไม่โดนยกเลิกง่ายๆ
ต่อมาให้ดูที่จำนวนรีวิวของคนที่เคยเข้ามาพักครับ ห้องพักที่ดีต้องมีคนเข้าใช้เยอะหน่อยเพื่อให้เราได้ตัดสินใจครับ เอาจากประสบการณ์ของผมเอง ผมอยากได้ที่ 20 รีวิวขึ้นไปและเป็น Super Hostครับ จะได้ลองอ่านรีวิวประกอบการตัดสินใจ
ถ้าผมเจอว่าโฮสต์เคย Cancel จะขึ้นแบบนี้ในรีวิวนะครับ ถือว่าช่วยเราได้ในระดับนึงเลย
อันนี้เป็นคร่าวๆของการดูว่าเราสมควรจะจองห้องนั้นมั้ยครับ เดี๋ยวจะมาต่อในเรื่องของการคุยกับโฮสต์เพื่อสอบถามรายละเอียดอื่นๆกันใน Blog ถัดไปนะครับ
[…] ลองเลือกจากเงื่อนไขที่เราอยากได้ก่อนนะครับ อ่านได้ที่ Blog ก่อนหน้าครับ Blog […]
LikeLike